การเพิ่มผลิต
ความหมายของการเพิ่มผลผลิต
การเพิ่มผลผลิตมี 2 แนวความคิด คือ
แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ และแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคม
แนวคิดทางวิทยาศาสตร์
ตามแนวคิดนี้
ความหมายโดยสรุปคิด “การเพิ่มผลผลิตเป็นสิ่งที่วัดค่าได้
และมองเห็นเป็นรูปธรรม”นั่นคือ ตามแนวความคิดนี้
การเพิ่มผลผลิตสามารถวัดค่าได้ทั้งทางกายภาพ คือวัดเป็นจำนวนชิ้นน้ำหนัก ความยาว
ฯลฯ และอีกทางคือ การวัดเป็นมูลค่า ซึ่งวัดในรูปที่แปลงเป็นตัวเงิน
สามารถทำให้หน่วยงานหรือองค์กรมองเห็นเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนว่า การประกอบธุรกิจนั้น
ๆ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่
การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางวิทยาศาสตร์
คือ
ผลผลิต
(Output) ที่นำมาเพื่อใช้ในการคำนวณนี้ต้องเป็นผลิตผลที่ขายได้จริงไม่นับรวมผลิตผลที่เป็นของเสียที่ตลาดไม่ต้องการ
และต้องไม่เป็นผลิตผลค้างสต๊อกที่เก็บไว้ในโกดังสินค้า
เพราะไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อโรงงานค่าที่ได้จาการคำนวณจากอัตราส่วนขิงผลิตผลและปัจจัยการผลิตนี้จะไปวิเคราะห์เปรียบเทียบค่าการเพิ่มผลผลิตของโรงงานตามที่กำหนด
และใช้เปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่นการคำนวณหาค่าการเพิ่มผลผลิตนี่เรียกว่า
การวัดการเพิ่มผลผลิต ซึ่งแนวทางการเพิ่มผลผลิตมีดังนี้
แนวทางที่ 1 ทำให้ผลิตผลเพิ่มขึ้นแต่ปัจจัยการผลิตเท่าเดิม คือ Output
เพิ่มขึ้น Input เท่าเดิม
แนวทางนี้นำไปใช้ในการเพิ่มผลผลิตในสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในสภาพปกติ
คือเมื่อพนักงานมีเท่าเดิมต้องการให้ผลิตผลมากขึ้น
ก็หาวิธีการปรับปรุงงานด้วยการนำเทคนิค วิธีการปรุงปรับการเพิ่มผลผลิตเข้ามาช่วย
เช่น ปรับปรุงวิธีการทำงาน ฝึกอบรมทักษะในเรื่องการทำงานให้มีทักษะคุณภาพ กิจกรรม
5 ส กิจกรรม QCC ฯลฯ จะเป็นการเพิ่มผลผลิตให้มีค่าสูงขึ้น
โดยไม่เพิ่มปัจจัยการผลิต
แนวทางที่ 2 ทำให้ผลิตผลเพิ่มขึ้นแต่ปัจจัยการผลิตลดน้อยลงคือ Output
เพิ่มขึ้น Input ลดลง
แนวทางนี้สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยให้การเพิ่มผลผลิตมีค่าสูงสุดมากกว่าวิธีอื่น ๆ
เป็นแนวทางที่นำเอาแนวทางที่ 1 และแนวทางที่ 4 เข้าด้วยกัน
ผู้ปฏิบัติต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงกระบวนการผลิตวิธีการทำงานทั้งหมด
จนไม่มีการสูญเสียในกระบวนการผลิต เช่น โรงงานผลิตผลไม้กระป๋อง
ใช้คนงานสุ่มเช็คความเรียบร้อยของสินค้าก่อนบรรจุลงในกล่อง
หากพบสินค้ามีรอยตำหนิไม่เป็นมาตรฐานก็จะแยกส่งออกไปแก้ไขใหม่ใช้พนักงาน 6 คน
ในจำนวนพนักงานทั้งหมด12 คน ในสายตาการผลิต จะเห็นว่าเวลาส่วนใหญ่ของพนักงานทั้ง6
ที่ยืนสังเกตแยกสินค้าออกนี้ ถูกนำไปใช้งานที่ไม่เกิดประโยชน์
ทำให้เกิดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นต้องปรับปรุงวิธีการทำงานใหม่ ในการหาวิธีตรวจสองสินค้าที่มีรอยตำหนิ
โยกย้ายพนักงานออกไปทำหน้าที่อื่นที่ได้ประโยชน์ในการทำงานมากกว่าจะทำให้โรงงานได้ผลิตผลเพิ่มขึ้น
และลดปัจจัยการผลิตน้อยลง แนวทางนี้จะเป็นวิธี
“การเพิ่มผลผลิตหรือเพิ่มประสิทธิภาพด้วยต้นทุนต่ำ”
ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรอย่างคุ้มค่า หรือมีประสิทธิภาวะสูงสุด
โดยเฉพาะการเพิ่มผลผลิตจากพนักงานให้สูงขึ้นและให้ลดความสูญเสียที่เกิดจาก
“จุดรั่วไหล” ต่าง ๆ ให้มากที่สุด ประหยัดได้ต้องประหยัด
ลดกันทุกจุกที่ทำได้ก็เท่ากับลดต้นทุน
แนวทางที่
3 ทำให้ผลิตผลเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
(ในอัตราที่น้อยกว่าการเพิ่มของผลิตผล) คือ Output เพิ่มขึ้น แต่ Input เพิ่มน้อยกว่า
แนวทางนี้นำไปใช้ในสภาวะเศรษฐกิจกำลังเติบโตต้องการขยายกิจการและขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น
มีทุนพอที่จะจัดซื้อเครื่องจักรมาเพิ่มขึ้น
จ้างแรงงานเพิ่มใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในการผลิต ลงทุนในด้านปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นแล้วอัตราส่วนของผลผลิตที่เพิ่มจะมากกว่าการเพิ่มของปัจจัยการผลิต
แนวทางที่
4 ทำให้ผลิตผลเท่าเดิม แต่ปัจจัยการผลิตลดลง คือ Output
คงที่ แต่ Input ลดลง แนวทางนี้ไม่เพิ่มยอดการผลิต
นั่นคือ การใช้ปัจจัยการผลิตที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เหมาะที่จะใช้กับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความต้องการของตลาดมีไม่มากนัก เช่น
การประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ขจัดเวลาที่สูญเสียต่าง ๆ
การประหยัดทรัพยากรที่มีอยู่ให้ใช้อย่างจำกัดและจำเป็นลดความฟุ่มเฟือยต่าง
ไหลหาจุดไหลในการผลิตและลดจุดรั่วนั้น ๆ
แนวทางที่
5 ทำให้ผลิตผลลดลงจากเดิมแต่ปัจจัยการผลิตลดลงมากกว่า
(ในอัตราลดลงมากกว่าลดผลิตผล) คือ Output ลดลง Input ลดลงมากกว่าแนวทางนี้ใช้ในภาวะที่ความต้องการของสินค้าหรือบริการในตลาดน้อยลง
เพื่อใช้เพิ่มค่าของการเพิ่มผลผลิตเช่นสภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย คนไม่มีกำลังซื้อ
สินค้าฟุ่มเฟือยไม่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น รถยนต์ น้ำหอมฯลฯ
ขายไม่ได้มาก บริษัทที่ผลิตต้องลดปริมาณการผลิตลง
และพยายามลดปัจจัยการผลิตให้มากกว่าด้วย เพื่อให้การเพิ่มผลผลิตค่าสูงขึ้น
แนวทางการเพิ่มผลผลิตทั้ง
5 แนวทางที่กล่าวมาจะไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่า
แนวทางใดจะเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจอย่างไรได้ทั้งหมดเพราะต้องพิจารณาทั้งผลิตผลและปัจจัยการผลิตร่วมเพื่อแนวทางที่เหมาะสมกับองค์กรหรือหน่วยงานนั้น
ๆ แต่โดยหลักการพื้นฐานแล้วสามารถพิจารณาได้ ดังนี้
แนวทางการเพิ่มผลผลิต
หากต้องเพิ่มผลผลิตหรือ
Output สูงนั้น เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตลาดขยายตัว
ผู้บริโภคกำลังซื้อสูงสินค้ากำลังเป็นที่ต้องการของตลาด
หากลดผลิตผลลง
หรือ Output ลดลง เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซบเซา
ตลาดหดตัวสินค้าไม่เป็นที่ต้องการของตลาดขณะนั้น
หากเพิ่มปัจจัยการผลิต
หมายถึง ต้องการลงทุนเพิ่มในช่วงเศรษฐกิจเติบโต
ต้องมั่นใจว่าสินค้าที่ผลิตออกมาแล้วเป็นที่ต้องการของตลาด
หากลดปัจจัยการผลิต
หมายถึงลดปัจจัยการผลิตได้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจเพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่า
จากแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ข้างต้น
ความหมายของการเพิ่มผลผลิตมิได้หมายถึงการเพิ่มปริมาณการสภาวะหนึ่งที่ต้องทำให้อัตราเพิ่มผลผลิตสูงตลอดเวลาซึ่งทำได้โดยสำรวจสภาวะเศรษฐกิจขณะนั้น
รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดที่มีต่อสินค้าหรือบริการแล้วเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่งเพื่อการเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น
แนวทางเศรษฐกิจสังคม
การเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจสังคมนั้น
เป็นแนวคิดที่เชื่อมั่นในความก้าวหน้าของมนุษย์ที่จะหาหนทางปรับปรุงและสร้างสรรค์ให้สิ่งต่าง
ๆ ดีขึ้นเสมอ โดยการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก
และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดังนั้น
การเพิ่มผลผลิตจึงเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคนทุกอาชีพ
ทุกระดับที่ต้องร่วมกันเร่งรัดปรับปรุงการเพิ่มผลผลิต
เพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
อันจะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจโดยรวมของชาติ
การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องชี้วัดความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจสังคม
การเพิ่มผลผลิตระดับชาติแสดงถึงความสามารถระดับชาติในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติมั่นคงก้าวหน้าต่อไป
ด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การเพิ่มผลผลิตตามแนวคิดทางเศรษฐกิจสังคม
ความสำนึกในจิตใจ
เป็นความสามารถหรือการมีพลังด้านความสามารถที่มนุษย์แสวงหาทางปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ
ให้ดีขึ้นเสมอ โดยเชื่อว่าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ในวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้
พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้
โดยผู้มีจิตสำนึกด้านการเพิงผลผลิตจะประยุกต์ใช้เทคนิคและวิธีการใหม่ ๆ
นำมาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่หน่วยงาน สังคม และประเทศชาติ
และทันต่อสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ที่มา https://sites.google.com/site/karpenphuprakxbkarlpe/hnwy-thi-8